บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จับสปอร์ตคูเป้ซีดานเอ็มจี5 ตกแต่งเป็นรุ่นพิเศษ “เอ็มจี5 สเปเชี่ยล อิดิชั่น รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี” มาพร้อมตัวถังสีใหม่ Crayon Grey คุมโทนการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในด้วยสไตล์ โมโนโครม ใส่ออปชั่นเพื่อการขับขี่ไว้อย่างครบครัน ตั้งธงเพิ่มความคุ้มค่าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ปอร์ตคูเป้ซีดานยิ่งขึ้น ด้วยราคา 589,900 บาทคำพูดจาก สล็อตทรูวอเลท
สำหรับเอ็มจี5 หนึ่งโมเดลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากยังคงคอนเซปต์การเป็นรถเก๋งซีดานที่มีห้องโดยสารใหญ่ที่สุดในคลาสเทียบชั้นรถในระดับซี-ซีดาน และคาแรกเตอร์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยมิติตัวถัง(ยาว/กว้าง/สูง) 4,675/1,842/1,480 มม. กระจังหน้า 3 มิติ ไฟหน้าแบบแอลอีดี พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด อัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สามแบบแอลอีดีคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าการมาของเอ็มจี5 ใหม่จะนำแบรนด์ไปสู่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเจนใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้สีเทา–ดำ ตกแต่งบ่งบอกถึงความเป็นรุ่นพิเศษ ตั้งแต่ตัวถังสีเทาเฉดใหม่ Crayon Grey สอดรับกับการตกแต่งด้วยสีดำในหลากหลายตำแหน่งรอบคันจัดวางโลโก้ 10th Anniversary ที่ประตูท้าย และล้ออัลลอยสีดำดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว อีกทั้งเลือกใช้สีดำ ในการเพิ่มลุ๊คสปอร์ตหลากหลายตำแหน่งรอบคัน เช่น กระจกมองข้าง มือจับประตู โลโก้แบรนด์เอ็มจีและชื่อรุ่นเอ็มจี5 บริเวณฝากระโปรงท้าย
ภายในห้องโดยสารสปอร์ตทุกอณู มาพร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ แบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัย มัลติฟังก์ชัน ครบครันด้วยเทคโนโนโลยีความปลอดภัย พร้อมรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดียตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเอ็มจี5 จัดอยู่ในกลุ่มรถบี-ซีดาน แต่จุดเด่นที่ตัวรถมีขนาดใหญ่ถือเป็นรถดีไซน์สปอร์ตคูเป้ ที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางนั่งโดยสารได้สะดวกสบายที่สุดในคลาสเทียบเท่ารถในระดับซี-ซีดาน ดีไซน์ภายในให้อารมณ์สปอร์ตด้วยการคุมโทนด้วยสีดำตัดด้วยสีแดง เบาะหนังทรงสปอร์ตโอบรับสรีระฝั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า เบาะหลังพับได้ปรับพื้นที่ห้องโดยสารให้สามารถจุของได้มากขึ้น
ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอย่างหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า แบบมัลติฟังก์ชันปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือในเมือง มาตรฐาน และสปอร์ต ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ–วางสายโทรศัพท์ กระจกไฟฟ้า ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ลำโพง 6 จุด รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย แอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอย ออโต้ ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล ระบบกรองอากาศพีเอ็ม 2.5
เอ็มจี5 ใช้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที 8 สปีด ระบบช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่างหลังทอร์ชันบีม ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ด้านระบบความปลอดภัยมาตรฐานจัดหนัก ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ระบบเบรกเอบีเอสพร้อมระบบกระจายแรงเบรก ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS ระบบแทรคชัน คอนโทรล ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้างระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ จุดยึดเบาะนั่งเด็ก และไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
“สถานการณ์ตลาดบี-เซ็กเมนต์ แข่งขันในตลาดรถเก๋งค่อนข้างดุเดือดในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากหลากหลายปัจจัยอีกทั้งวิวัฒนาการของเทคโนโลยียานยนต์ที่พัฒนาก้าวล้ำอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายเชิงรุกจากค่ายรถต่าง ๆ ในช่วงครึ่งปีหลังไตรมาสสุดท้ายจึงเป็นโอกาสดีที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น”